สมุฏฐานวาร ที่ 5
[464] ถามว่า อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม เกิดด้วยสมุฏฐาน
เท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 5
ตอบว่า อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา . . .
ถามว่า อาบัติของภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือ
ปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ เกิดขึ้นด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ 6
ตอบว่า อาบัติของภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือ
ปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ 6 คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา.
สมุฏฐานวารที่ 5 จบ
อธิกรณวาร ที่ 6
[465] ถามว่า อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม เป็นอธิกรณ์ไหน
บรรดาอธิกรณ์ 4
ตอบว่า อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม เป็นปัตตาธิกรณ์ บรรดา
อธิกรณ์ 4 . . .
ถามว่า อาบัติของภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือ
ปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ เป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาอธิกรณ์ 4 . . .
ตอบว่า อาบัติของภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือ
ปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ เป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4.
อุธิกรณวารที่ 6 จบ
สมถวาร ที่ 7
[466] ถามว่า อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม ระงับด้วยสมถะ
เท่าไร บรรดาสมถะ 7
ตอบว่า อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม ระงับด้วยสมถะ 2 อย่าง
บรรดาสมถะ 7 คือ บางที ด้วยสัมมุขาวินัย 1 ด้วยปฏิญญากรณะ 1 บางที
ด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ 1 . . .
ถามว่า อาบัติของภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือ
ปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ ระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ 7
ตอบว่า อาบัติของภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือ
ปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงในน้ำ ระงับด้วยสมถะ 3 บรรดาสมถะ 7 คือ
บางทีด้วยสัมมุขาวินัย 1 ด้วยปฏิญญาตกรณะ 1 บางที ด้วยสัมมุขาวินัยกับติณ
วัตถารกะ 1.
สมถวารที่ 7 จบ
สมุจจัยวาร ที่ 8
[467] ถามว่า ภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบว่า ภิกษุผู้เสพเมถุนธรรมต้องอาบัติ 3 ตัว คือ เสพเมถุนธรรม
ในสรีระที่ไม่ถูกสัตว์กัด ต้องอาบัติปาราชิก 1 เสพเมถุนธรรมในสรีระที่ถูก